ค่างวดสินเชื่อรถยนต์มือสอง คำนวณมาจาก เงินต้น คูณอัตราดอกเบี้ย(ดอกเบี้ยรวมระยะเวลาสัญญาเช่าซื้อรถยนต์) คูณ Vat 7 % แล้วนำมาหารกับจำนวนเดือนที่จะต้องผ่อนชำระสินเชื่อรถยนต์มือสองจึงได้ออกมาเป็นค่างวดสินเชื่อรถยนต์มือสอง
ตัวอย่าง : กู้เงินธนาคารซื้อรถวงเงิน 200000 ดอกเบี้ยไฟแนนซ์รถมือสอง 4 % ต่อปี จะค่างวดดังนี้
* กรณี 1 ปี 12 เดือน (200000 x 1.04 x 1.07) หาร 12(จำนวนเดือนที่ต้องผ่อนสินเชื่อรถมือสอง) = 18546
* กรณี 2 ปี 24 เดือน (200000 x 1.08 x 1.07) หาร 24(จำนวนเดือนที่ต้องผ่อนสินเชื่อรถมือสอง) =9630
* กรณี 3 ปี 36 เดือน (200000 x 1.12 x 1.07) หาร 36(จำนวนเดือนที่ต้องผ่อนสินเชื่อรถมือสอง) = 6657
* กรณี 4 ปี 48 เดือน (200000 x 1.16 x 1.07) หาร 48(จำนวนเดือนที่ต้องผ่อนสินเชื่อรถมือสอง) = 5172
จากตัวข้างต้นจะพบว่า ค่างวดสินเชื่อรถยนต์มือสองนั้นเลือกผ่อนระยะที่สั้นจะเสียดอกเบี้ยน้อย แต่ค่างวดสินเชื่อรถยนต์มือสองในแต่ละงวดจะผ่อนในจำนวนที่สูง ในทางกลับกันค่างวดสินเชื่อรถยนต์มือสองที่เลือกผ่อนในระยะที่ยาวนานขึ้น จะต้องเสียดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น และมากกว่าในระยะที่สั้นกว่าแต่สิ่งที่จะได้กลับมาคือค่างวดสินเชื่อรถยนต์มือสองที่มีจำนวนผ่อนต่องวดที่น้อยลง
เลือกระยะเวลาผ่อนชำระให้สอดคล้องกับค่างวดสินเชื่อรถยนต์มือสองที่สามารถผ่อนชำระได้ โดยที่ไม่ต้องมีการค้างชำระค่างวดเป็นสิ่งที่ดีที่สุดหรือมีการจ่ายค่างวดล่าช้า อาจส่งผลให้การขอสินเชื่อ อื่น ๆ ในอนาคตเกิดอุปสรรค์ได้
เลือกผ่อนค่างวดสินเชื่อรถยนต์มือสองในระยะที่ยาวนาน ระยะเวลาสินเชื่อรถยนต์มือสองที่ผ่อนเกิน5ปี ถือได้ว่าเป็นระยะที่ยาวมากเพราะว่าอนาคตไม่มีใครคาดเดาสิ่งที่เกิดขึ้นได้
ในการเลือกผ่อนค่างวดสินเชื่อรถยนต์มือสองเป็นไปได้ควรเลือกที่ระยะเวลาสั้นในช่วง 3 ปี แต่อย่าให้เกิน 5 ปี ผ่อนค่างวดสินเชื่อรถยนต์มือสองระยะสั้นผ่อนหมดไวสบายใจ ดีกว่าเลือกที่จะผ่อนยาว ๆความไม่สบายใจจะต้องเกิดแน่นอน